เดิมศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติบ้านวังเมือง เป็นบ้านของคุณแม่ละม้าย วังเมือง มีบิดา-มารดาชื่อ นายมาลัย-นางเลื่อม วังเมือง แม่ละม้ายเคยบวชเป็นแม่ชีน้อย ที่วัดเหมืองประชารามและเมื่อสึกออกไป ได้แต่งงานและย้ายไปอยู่ที่ จ.ภูเก็ต มีลูกสาว 1 คน ลูกชายสี่คน จากนั้นได้ย้ายเข้ากรุงเทพฯเพื่อไปอยู่กับพ่อแม่สามี ซึ่งมีอาชีพค้าขาย และได้เริ่มทำธุรกิจค้าขายรถยนต์โดยมีลูกๆช่วยทำกิจการ
พระอาจารย์สุรพจน์ สัทธาธิโก ลูกชายคุณแม่ละม้าย ได้อุปสมบทกับพระอาจารย์ขาว ฐิตวณฺโณ วัดบุญศรีมุนีกรณ์ จ.กรุงเทพฯ เป็นเวลา 3 พรรษา ปฏิบัติธรรมแบบวัดมหาธาตุ ครั้งหนึ่ง ท่านไปอยู่ที่วัดน้ำตกคลองลาน ได้เรียนรู้การปฏิบัติ หลักธรรม และเกิดความปรารถนาที่จะรวบรวมธรรมะที่แตกเป็นหลายสายให้เป็นหนึ่งเดียว จึงได้ศึกษาจากพระไตรปิฎก ก็พบว่า ที่สุดแล้ว ต้องปฏิบัติตามแนวทางมหาสติปัฏฐานสี่ ทางสายเอก เส้นเดียวเท่านั้น คือ พิจารณาเห็น กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดความยินดียินร้ายในโลกให้พินาศได้
ครั้นแล้วภายในจิต มีความปรารถนาต้องการพบปรมาจารย์ที่สอนมหาสติปัฏฐานสี่ และไม่นาน ก็ได้พบหลวงพ่อธมฺมธโร และอยู่ปฏิบัติธรรมกับท่านเป็นเวลา 3 ปี ณ วัดไทรงามธรรมธราราม จ.สุพรรณบุรี ภายหลังคุณแม่ละม้ายได้มาถือศีลปฏิบัติธรรม โดยมีพระลูกชายคอยดูแลการปฏิบัติเป็นเวลาประมาณ 1 พรรษา
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2537 พระอาจารย์ธัมมทีโป เมื่ออายุ 29 ปี อุปสมบทอยู่ในความอุปถัมภ์ของหลวงพ่อธัมมธโร(พระมหาเถระผู้ทรงธรรม) หลังจากนั้นได้ปฏิบัติธรรมร่วมกับพระอาจารย์สุรพจน์(พระพี่ชาย) คอยคุมการปฏิบัติ และแก้ไขสภาวธรรมที่ติดขัดอย่างใกล้ชิด ซึ่งปฏิบัติโดยการยกมือจับความรู้สึก จากนั้นกระแสเข้าสู่จิตภายใน ดูภายในจิตตลอดทุกอิริยาบถ จนรู้แจ้งในเส้นทางแห่งการพ้นทุกข์ และได้เขียนเส้นทางแห่งการหลุดพ้นตามแนวทางมหาสติปัฏฐานสี่ ทางสายเอก จากที่ท่านได้ปฏิบัติมาในเวลา 3 เดือน 7 วัน
หลังจากนั้นพระอาจารย์ธัมมทีโป ได้ไปสอนพ่อแม่ พี่น้อง และญาติ จนออกพรรษา คุณแม่ละม้ายได้นิมนต์ไป ต.ท้ายเหมือง จ.พังงา ได้ขออนุญาตพระอาจารย์จิตร เจ้าคณะตำบล นิมนต์พระลูกชายอยู่จำพรรษาเพื่อสอนพ่อแม่ปฏิบัติธรรม ท่านก็อนุญาตและอนุโมทนาว่าดีแล้วๆ พระลูกชายได้สอนพ่อแม่ปฏิบัติธรรม
ต่อมาคุณสถาพร ซึ่งเป็นน้องชายของพ่อพระอาจารย์ และคุณอังกาบ พี่สาวของพระอาจารย์ธมฺมทีโป พร้อมกับครอบครัว ได้มาปฏิบัติธรรมจนกระทั่งลูกๆเกิดศรัทธา ได้บวชเป็นสามเณรกับพระอาจารย์จิตร วัดเหมืองประชาราม และพระอาจารย์ปลัดแปลก วัดปัตติการามเป็นอุปัชฌาย์ และขออนุญาตมาศึกษาปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์พี่ชาย ณ บ้านวังเมือง ซึ่งทางญาติๆได้ร่วมกันสร้างที่พักไว้สำหรับปฏิบัติธรรมแด่พระภิกษุสามเณร
ภายหลัง กระทรวงศึกษาธิการได้ส่งข้าราชการเข้าอบรม ซึ่งผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจของผู้ที่ได้รับการอบรม ทางกระทรวงศึกษาธิการได้เล็งเห็นความปรารถนาดี และความพร้อมของศูนย์ฯ เพื่อให้การเผยแผ่ธรรมเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว เป็นประโยชน์สุขแก่คนในสังคม และผู้สนใจในธรรม จะได้พบเส้นทางที่ถูกต้อง ทางกระทรวงจึงได้จัดตั้งให้เป็นศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ กระทรวงศึกษาธิการ ภาคเอกชน แห่งแรกในประเทศไทย โดยทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2544